About the Vegetarian
ในแวดวงคนรักสุขภาพที่ไม่ต้องการมีน้ำหนักเกินพอดี เราเคยคุยเรื่องกินยังไงให้ผอมกันในหลายประเด็น ตั้งแต่การอด(เพื่อล้างพิษ) กินตามโปรแกรมลดน้ำหนัก กินพร่องแป้งแบบโลว์คาร์บ คราวนี้จะขอพูดถึงการกินอีกแบบที่แม้จะไม่ช่วยให้คุณผอมเร็วเป็นคนละคน แต่จะช่วยให้ร่างกายของคุณค่อยๆ กำจัดส่วนเกินที่สะสม พร้อมๆ กับขจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย คืนความสดใส อ่อนเยาว์ และสร้างสุขภาพสมดุลอย่างยั่งยืน หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าการกิน “มังสวิรัติ” ไงคะ ละเนื้อ ละอย่างไรคนที่หันมากินแบบละหรืองดเนื้อแบบมังสวิรัตินั้น ไม่ได้มีเหตุผลจากความเชื่อทางศาสนาหรือไม่อยากเบียดเบียนชีวิตสัตว์ เพราะการละเนื้อโดยสิ้นเชิงทำได้ยากในชีวิตปกติ ด้วยเหตุนี้การกินมังสวิรัติจึงมีหลายระดับ ตั้งแต่ยังกินเนื้อสัตว์บางประเภท ไปจนถึงไม่กินอะไรเลยนอกจากพืชผัก * Pollovegetarians คือกลุ่มที่ไม่กินเนื้อแดง แต่กินเป็ด ไก่ และอาหารจากพืช* Pescovegetarians คือกลุ่มที่กินปลาเพิ่มขึ้นมาจากกินผักอย่างเดียว * Lacto-Ovo-Vegetarians คือกลุ่มที่กินนมและไข่เพิ่มจากการกินพืช * Lacto-Vegetarians คือกลุ่มที่กินเฉพาะนม และผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด ร่วมกับการกินพืช* Vegans คือกลุ่มที่กินอาหารจากพืชล้วนๆ ไม่กินเนื้อสัตว์ แม้กระทั่งไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม และน้ำผึ้ง นอกจาก 5 กลุ่มข้างบน ยังมีการละเว้นเนื้อสัตว์เก๋ๆ อีก 3 แบบ คือ* Sproutarians คือกลุ่มที่นิยมบริโภคหน่อต้นอ่อนของพืช อันได้แก่เห็ด ถั่วงอก ต้นอ่อน ก้านใบอ่อนของพืช ถั่วโตเร็ว ซึ่งว่ามีพลังและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง * Fruitarians คือกลุ่มที่บริโภคผลไม้เป็นหลัก กินผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะพวกเบอร์รี่ นิยมดื่มน้ำผลไม้คั้นสด รวมทั้งผลไม้เปลือกแข็งอย่างลูกนัต เมล็ดพืช และถั่วต่างๆ * Raw Foodism คือกลุ่มที่นิยมบริโภคอาหารไม่ผ่านความร้อน หรือใช้ความร้อนไม่เกิน 48 องศาเซลเซียส เนื่องจากเชื่อว่าความร้อนจะทำลายเอนไซม์และคุณค่าทางโภชนาการในอาหารไป นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าในอดีตพระเยซูคริสต์ก็บริโภคอาหารในลักษณะนี้เช่นกันสิ่งดีที่ได้จากการกินมังสวิรัติ ลองกินมังสวิรัติสักอาทิตย์ คุณจะพบความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหลายอย่าง อาทิ* หลับสบาย- ถ่ายคล่อง กระเพาะของเราย่อยผักผลไม้ได้ง่าย และใช้เวลาในการย่อยน้อยกว่าเนื้อสัตว์มากนัก การกินมังสวิรัติจึงช่วยลดภาระให้กับระบบย่อยอาหารไปในตัว นอกจากนี้ผักผลไม้ยังมีไฟเบอร์หรือเส้นใย ในขณะที่เนื้อสัตว์แทบไม่มีเลย เส้นใยมี 2 ประเภท คือกลุ่มไม่ละลายน้ำ ซึ่งจะไปเพิ่มจำนวนอุจจาระ ทำให้ไม่มีของเสียตกค้างในร่างกาย จึงช่วยป้องกันอาการอึดอัด ไม่สบายท้อง และการดูดซึมของเสียในลำไส้กลับเข้าไปอีกอีกกลุ่มละลายน้ำได้ จะไปจับตัวกับน้ำดีและคอเลสเตอรอลในลำไส้แล้วขับออกมาทางอุจจาระ การกินผักจึงช่วยให้หลับสบายแบบไร้อาการท้องอืด ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยังถ่ายคล่องอีก และถ้ายิ่งรู้จักเลือกกินให้ดี ไม่เน้นแป้งและน้ำตาล น้ำหนักตัวก็ยังลดอีกแน่ๆ * ล้างพิษลำไส้ของคนเรามีความยาวถึง 20 ฟุต เป็นลักษณะเดียวกับสัตว์กินพืชชั้นสูง ซึ่งต่างจากร่างกายของสัตว์กินเนื้อที่ถูกสร้างให้ย่อยและขับเนื้อที่กินออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด ร่างกายมนุษย์ไม่อาจดูดซึมโปรตีนจากสัตว์ได้ทั้งหมด โปรตีนที่ร่างกายเราดูดซึมไว้ได้มากที่สุดคือ ไข่- ร้อยละ 94 ส่วนโปรตีนที่ดูดซึมได้น้อยที่สุดได้แก่ เนื้อวัว-เพียงร้อยละ 67 เท่านั้น อีกร้อยละ 33 ที่ไม่อาจดูดซึมได้จะเหลืออยู่ในลำไส้ซึ่งในที่สุดก็จะเกิดการหมักบูด เปลี่ยนไปเป็นสารเคมีกลิ่นเหม็น เช่น มีเทน แอมโมเนีย และซัลเฟอร์ไดออกไซด์(ก๊าชไข่เน่า)เมื่อเดินทางถึงลำไส้ใหญ่ กระบวนการดูดซึมน้ำกลับสู่ร่างกายจะพาสารพิษเหล่านี้กลับมาด้วย สารเหล่านี้เองที่เป็นสาเหตุของอาการหืดหอบ ภูมิแพ้ ไปจนถึงมะเร็งในลำไส้ใหญ่ การงดกินเนื้อ หันมาเน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชมากขึ้นจึงช่วยเคลียร์ลำไส้ให้สะอาด เป็นการล้างพิษกลายๆ นั่นเอง * หน้าใส-ผิวสวย นอกจากช่วยล้างพิษแล้ว การเน้นกินผัก-ผลไม้ทำให้ร่างกายได้วิตามินซีและอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้เซลล์ของร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณสดใส โดยเฉพาะวิตามินซีมีหน้าที่สำคัญในการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจนส่วนใหญ่ ซึ่งทุกเซลล์ในร่างกายต้องมีเส้นใยนี้ร้อยรัด เสริมสร้างความแข็งแรงเสมือนบ้านต้องมีรั้ว หากรั้วไม่แข็งแรงหรือบุกรุกง่ายก็จะเปิดโอกาสให้เชื้อโรคเข้าโจมตีได้ การได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอจึงช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง* สุขภาพดีทราบหรือไม่ว่าในเนื้อสัตว์มีสารพิษจำนวนไม่น้อย ซึ่งจะเพิ่มภาระให้กับระบบย่อยอาหาร และขัดขวางการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเป็นต้นว่าฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะ ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท สารปรุงแต่ง สารถนอมอาหาร ยาฆ่าแมลง และอีกจิปาถะ สารเหล่านี้อาจอยู่ในน้ำและอาหารสัตว์ และจะไปสะสมอยู่ตามเซลล์ต่างๆ ของสัตว์ ยิ่งกินเนื้อสัตว์มาก สารเหล่านี้จะเปลี่ยนถ่ายเข้ามาสะสมในตัวเรา จนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ในที่สุด การกินเนื้อสัตว์มากๆ ยังเป็นสาเหตุของโรคอย่างหลอดเลือดอุดตัน ผนังหลอดเลือดแข็งตัว และโรคหัวใจ จากไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลที่มีมากในเนื้อและไขมันสัตว์อีกด้วย ยิ่งกินน้อยลงเท่าไรจะยิ่งช่วยป้องกันโรคเหล่านี้ได้มากเท่านั้น * หน้าตาแจ่มใสข้อนี้เป็นผลพลอยได้จากความรู้สึกดีๆ จากการไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น เมื่อสุขภาพจิตดีหน้าตาก็พลอยแจ่มใส บุคลิกเมตตาอารียังดึงดูดผู้คนให้อยากคบหาสมาคมอีกด้วยก้าวแรกสู่การกินมังสวิรัติอย่าเพิ่งสร้างภาพวิถีแห่งการเป็นมังสวิรัติว่าเป็นถนนที่แห้งแล้งและขมขื่น ขอแค่อยากเริ่มต้นละเนื้อจริงๆ คุณจะพบว่ามีทางเลือกในการกิน(อร่อยด้วย) มากมาย* ข้าวกับน้ำพริก กินเรียบง่ายแบบคนไทยสมัยก่อน จะเป็นน้ำพริกปลาร้า กะปิ ปลาทู หรือน้ำพริกหนุ่ม เต้าเจี้ยวหลน ฯลฯ เลือกได้ตามชอบ อาจกินแกล้มไข่ต้ม ปลาทอด นึ่ง หรือย่างก็ได้ ถ้าจะให้ดีควรกินกับข้าวกล้องซึ่งจะให้วิตามินบีและไฟเบอร์สูงกว่าข้าวขัดขาว ส่วนผักแนมน้ำพริกควรเน้นความหลากหลายเข้าไว้ ถ้าอยากลดหุ่นลองจัดสัดส่วนให้บริโภคผักมากกว่าข้าว * อาหารญี่ปุ่น นอกจากหน้าตาน่ากิน รสชาติอร่อย และหากินไม่ยากแล้ว อาหารญี่ปุ่นยังมีความหลากหลายของส่วนผสมจากธรรมชาติ ทั้งผัก เห็ด และถั่ว มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงมาก เพราะใช้ปลาทะเลและสาหร่าย ทั้งยังเสิร์ฟพร้อมชาเขียวซึ่งเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ * กินหลากหลาย อย่าจำกัดอาหารมังสวิรัติอยู่แค่จับฉ่ายหรือสลัดผัก พืชผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการยังมีอีกมากมาย ไล่ตั้งแต่ข้าวไม่ขัดขาว ธัญพืชอย่างลูกเดือย ข้าวโพด ถั่ว ถั่วงอก อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วพิตาชิโอ เมล็ดฟักทอง งา เมล็ดทานตะวัน ถั่วเหลือง ไปจนถึงเห็ดสดต่างๆ นอกจากนี้เมืองไทยเรายังมีผลไม้สดตามฤดูกาลมากมาย แค่ขยันเลือกกินให้เหมาะสมและหลากหลายก็ได้รับทั้งคุณค่าทางอาหารและวิตามินเพียบแล้ว* นมถั่วเหลือง คนเอเชียส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดมาพร้อมเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยแลคโตสในนมวัว กินแล้วเลยมีอาการไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ลองเปลี่ยนจากดื่มนมสดมาเป็นน้ำนมถั่วเหลืองดูถั่วเหลืองมีคุณค่ามากที่สุดในบรรดาถั่ว เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูก เป็นแหล่งของวิตามินบี เกลือแร่ และกรดไขมน เลซิทินที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกายก็มีอยู่มากเช่นกัน หากยังหวั่นไหวกับความเชื่อเดิมๆ เรื่องกินมังสวิรัติแล้วจะขาดอาหาร เพราะขาดกรดอมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกายซึ่งหาได้จากเนื้อสัตว์ ผลวิจัยชิ้นหนึ่งจะช่วยขจัดความคลางแคลงใจนี้ได้ เพราะมีการพบว่าร่างกายของเราสามารถหากรดอมิโนจำเป็นที่ขาดหายไปจากอาหารมื้อหนึ่งๆ ได้เองจากแบคทีเรียนานาพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้หรือเซลล์ในลำไส้นั่นเอง ด้วยเหตุนี้นักมังสวิรัติที่รู้จักเลือกกินอย่างหลากหลายและเหมาะสมจึงไม่เพียงมีหน้าใส หุ่นสวย สุขภาพดี แต่ยังแข็งแรงและอายุยืนกว่าคนกินเนื้อสัตว์ด้วยลองเริ่มกินสักอาทิตย์ แล้วดูว่าพอไหวไหม ถ้าทำได้ลองทำต่อให้ครบเดือน บางทีเมื่อถึงวันนั้น คุณอาจรู้สึกดีจนไม่นึกอยากกลับมากิน “ทุกอย่าง” อย่างที่เคยกินอีกก็ได้รู้จักนักมังสวิรัติตัวยง มังสวิรัติกำลังเป็นเทรนด์ใหม่ของการบริโภคเพื่อสุขภาพ บรรดาดาราฮอลลีวูดหลายรายก็กลายมาเป็นนักมังสวิรัติตัวยง ที่น่าสังเกตคือไม่มีใครเจ็บป่วยเพราะขาดอาหาร แต่กลับสวยงาม เซ็กซี่ แข็งแรง และอ่อนเยาว์ อย่างน่าแปลกใจ มาดูกันดีกว่าว่ามีใครบ้าง...โทบี้ แมคไกวร์ ไอ้แมงมุมกล้ามงามเลิกกินเนื้อตั้งแต่ปี 2535 (เห็นไหมว่าไม่กินเนื้อก็มีกล้ามล่ำๆ ได้)คริสเตียน เบล แบตแมนเนื้อแน่นนั้นเลิกกินเนื้อสัตว์มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ หลังจากอ่านเรื่องของหมูน้อยวิลเบอร์ในหนังสือแมงมุมเพื่อนรัก(Charlotte’s Web) ส่วน ลินดา แบลร์ เจ้าของบทเด่นใน ดิ เอ็กโซซิส ยืนยันว่าตั้งแต่เลิกกินเนื้อสัตว์เธอไม่เคยมีปัญหาน้ำหนักตัวอีกเลย นอกจากนั้นยังมี โจอาควิน ฟินิกซ์, พาร์เมล่า แอนเดอร์สัน ลี, นาตาลี พอร์ตแมน, กวินเน็ต พัลโธรว์, มาดอนน่า, จอช ฮาร์ทเน็ต, เดมี่ มัวร์และเคท วินสเล็ต นักแสดงไทยเราก็ไม่น้อยหน้า หมิว-ลลิตา ปัญโญภาส เจ้าของผิวสวยละเอียดเหมือนเซรามิกเนื้อดีก็กินมังสวิรัติมานานแล้ว รวมถึง ป้าจิ๊-อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ ในวัยใกล้ 60 ก็ยังคงดูสาวและสดใสกว่าอายุจริงเป็นสิบปี
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น